1.วัดบางลี่เจริญธรรม
ปูชนียวัตถุ มีพระประธานประจำอุโบสถ สร้างเมื่อสมัย อยุธยา พระบริวารอุโบสถก็สร้างในสมัยเดียวกัน 8 องค์ พระศรีอริยเมตตรัย 1 องค์ พระพุทธรูปโบราณรัตนโกสินทร์ 1 องค์ พระพุทธรูปลีลาประดิษฐาน ที่ลานหน้าอุโบสถ 1 องค์
วัดบางลี่เจริญธรรมตั้งเมื่อ พ.ศ.2360 วัดลางลี่เจริญธรรมไม่ปรากฏหลักฐานแน่นอนว่าใครเป็นผู้ก่อสร้าง บริเวณวัดมีต้นยางใหญ่สูงประมาณ 50 เมตร ความใหญ่ 5 เมตร เพราะในสมัยก่อนนิยมปลูกไม้ยางคู่กับการสร้างวัด
ในปัจจุบันนี้ยังมีต้นยางใหญ่เป็นหลักฐาน อยู่ในบริเวณวัด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2518 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร เจ้าอาวาสปัจจุบัน พระครูโสภณวิภูษิต
พระประธานประจำวิหาร พระพุทธรูปโบราณ รัตนโกสินทร์ พระพุทธรูปลีลาประดิษฐาน พระศรีอริยเมตตรัย
2.วัดศิริเจริญเนินหม้อ
วัดศิริเจริญเนินหม้อ ตั้งอยู่เลขที่ 120 หมู่ที่ 3 ตำบลโคกหม้อ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ 32 ไร่ 3 งาน 87 ตารางวา ทิศตะวันตกจดแม่น้ำแม่กลอง วัดศิริเจริญเนินหม้อ ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2373 เดิมชื่อวัดโคกหม้อ เพราะพื้นที่ตั้งวัดมีการทำหม้อดินเผามาก และที่เนินเจดีย์ของวัด เป็นโบราณสถาน สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยา ต่อมามีพระรูปหนึ่งเดินทางมาพบโบราณสถาน จึงได้ชักชวนชาวบ้านและญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบูรณะ จึงมีการเปลี่ยนชื่อวัดมาจนถึงทุกวันนี้ วัดศิริเจริญเนินหม้อ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2500 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 40 เมตร ยาว 50 เมตร ปัจจุบันมีพระมหาวินัย ปิยวณฺโณ เป็นเจ้าอาวาส
วัดศิริเจริญเนินหม้อ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๒๐ หมู่ที่ ๓ ตําบลโคกหม้อ อําเภอเมือง สังกัดคณะสงฆ์วัดแห่งนี้เป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผามาก่อน โดยจะมีการนําดินที่มีเหนียวคุณภาพดีมาจากแหล่งบริเวณวัดหลุมดินซึ่งเป็นที่ลุ่มและดินเหนียวคุณภาพดีส่วนฝั่งตรงข้ามคือที่ตั้งวัดโคกหม้อจะเป็นที่สูงกว่าจึงเป็นแหล่งผลิต เครื่องปั้นดินเผา ในบริเวณวัดโคกหม้อยังพบร่องรอยเศษเครื่องปั้นดินเผาเป็นจํานวนมากสภาพบริเวณวัดโดยรอบของวัดประกอบไปด้วยชุมชน บริเวณส่วนหน้าพระอุโบสถเป็นสนามหญ้าโล่งภายในเขตโดยรอบพระอุโบสถมีใบเสมาโบราณทําด้วยหินทรายแดงขนาดใหญ่ ติดตั้งรอบพระอุโบสถ รูปแบบและขนาดของใบเสมาของวัดโคกหม้อจะมีขนาดสูงใหญ่กว่าวัดหลุมดิน โดยมีสัดส่วนและรูปทรง ดังนี้ด้านหน้าและด้านข้างมีความหนาเกือบเท่ากัน ความสูงจาดโคนถึงยอดยาวประมาณ ๑๖๐ เซนติเมตร โดยแบ่งส่วนโคนถึงส่วนเอวของเสมาประมาณ ๕๐-๖๐ เซนติเมตรจากเอวถึงยอดประมาณ ๑๐๐-๑๑๐ เซนติเมตรด้านหน้าจะมีความกว้างประมาณ ๔๐-๕๐เซนติเมตรส่วนด้านข้างมีความหนาใกล้เคียงกับด้านหน้า รูปทรงของใบเสมามีสองแบบและแตกต่างกันเล็กน้อยกล่าวคือ เป็นทรงใบยาวสีเหลี่ยมผืนผ้าส่วนปลายตัดลาดเฉียงลงมาเล็กน้อยเกือบเป็นทรงมน แบบที่สองเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าจากส่วนเอวเป็นเส้นตรงขึ้นไปประมาณ ๔๐ เซนติเมตร แล้วแนวเส้นตรงค่อยๆขยายออกไปด้านข้างเล็กน้อยเป็นแนวยาวขึ้นไปประมาณ ๔๐ เซนติเมตร แล้วจึงแต่งเป็นเส้นโค้งมนเข้าหาส่วนยอดตรงกลางเป็นแบบสมมาตร การออกแบบลวดลาย ส่วนยอดทําเป็นลายดอกไม้ทับทรวงแกะเป็นเส้นเดินขอบโดยรอบตัวใบเสมา ตรงแกะเป็นเส้นแบ่งครึ่งยาวตลอดจนถึงส่วนเอว ทําเป็นสามเหลี่ยมหน้าจั่วภายในและเป็นลวดลายพรรณพฤษา และบางอันเป็นลายทรงกระจังสภาพของใบเสมาส่วนใหญ่ลวดลายลบเลือนไปมาก เพราะตั้งอยู่กลางแจ้ง เมื่อสํารวจโดยรอบพบว่าใบเสมาส่วนใหญ่ทางวัด นํามาติดตั้งบนฐานคอนกรีต โดยรอบทั้งสี่มุมของฐานคอนกรีตโดยเปือยเหล็กเส้นโผล่ไว้ยาวประมาณ ๑๕ เซนติเมตร คล้ายเตรียมจะทําเสาโครงซุ้มครอบใบเสมาไว้อีกชั้น
3.วัดพญาไม้
วัดพญาไม้ จ.ราชบุรี เดิมมีชื่อว่า วัดพญาใหม่ สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด มีเพียงเรื่องเล่าจากปากต่อปากของผู้เฒ่าผู้แก่สืบต่อกันมาว่า
วัดพญาไม้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นวัดในกรมการศาสนา เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๓ หลังจากที่ได้เป็นวัดแล้ว โดยมี หลวงปู่จันทร์ จฺนฺทสโร (พระครูธรรมเสนา) เจ้าคณะสงฆ์แขวงเมืองราชบุรี เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก และมีเจ้าอาวาสสืบต่อๆ กันมาอีกหลายรูป บางช่วงก็ขาดหายไปบ้าง จนมาถึง พ.ศ.๒๕๔๙ คณะสงฆ์จังหวัดราชบุรี แต่งตั้งให้ พระอธิการ อดุลย์ สุธมฺโม เป็นเจ้าอาวาส
วัดพญาไม้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นวัดในกรมการศาสนา เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๓ หลังจากที่ได้เป็นวัดแล้ว โดยมี หลวงปู่จันทร์ จฺนฺทสโร (พระครูธรรมเสนา) เจ้าคณะสงฆ์แขวงเมืองราชบุรี เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก และมีเจ้าอาวาสสืบต่อๆ กันมาอีกหลายรูป บางช่วงก็ขาดหายไปบ้าง จนมาถึง พ.ศ.๒๕๔๙ คณะสงฆ์จังหวัดราชบุรี แต่งตั้งให้ พระอธิการ อดุลย์ สุธมฺโม เป็นเจ้าอาวาส
อนึ่ง สมัยที่ พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสต้นไปตามลำน้ำแม่กลอง ขณะผ่านหน้าวัดพญาไม้ ได้รับสั่งให้เรือพระที่นั่งเข้าเทียบจอดที่ศาลาท่าน้ำหน้าวัด แล้วเสด็จประทับพักผ่อนตามพระราชอัธยาศัย บนศาลาวัด เมื่อชาวบ้านได้ทราบข่าวก็พากันมาเฝ้าถวายบังคมกันเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันจังหวัดทหารบกราชบุรี ได้ใช้บริเวณของวัดเป็นที่ฝึกซ้อมทหาร และฝึกภาคสนามแก่นักศึกษา รด. ตลอดมาจนถึงทุกวันนี้
สำหรับ พระอธิการอดุลย์ เจ้าอาวาสวัดพญาไม้ เป็นชาวท่าราบ จ.ราชบุรี หลังจากที่บวชแล้ว ได้ไปศึกษาธรรมที่วัดหลวงพ่อสด อ.ดำเนินสะดวก ต่อมาได้จำพรรษาที่วัดโพธิ์เจริญ ๘ พรรษา ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดพญาไม้ เมื่อปี ๒๕๔๙ จนถึงปัจจุบัน
พระรูปเหมือนหลวงพ่อตามใจ พบบนเพดานโบสถ์ ด้านหลังของฐานพระมีอักษรย่อ "ว พ ม" (วัดพญาไม้) ขนาดองค์พระกว้าง ๑.๕ ซม. สูง ๒.๕ ซม. เนื้อทองผสม ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง และสร้างเมื่อไร วัดได้นำมาสมนาคุณท่านผู้ใจบุญ บริจาคพรัพย์สมทบทุนค่าซ่อมสร้างหลังคาโบสถ์ ติดต่อได้ที่คณะกรรมการวัดพญาไม้
4.วัดตาลอมรินทร์
วัดอมรินทราราม ( วัดตาล ) ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 ตำบลโคกหม้อ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี สร้างมาแต่ครั้งใดไม่มีหลักฐานปรากฏแน่นอน ทราบจากผู้สูงอายุว่าวัดนี้ สร้างก่อนที่เมืองราชบุรีจะย้ายจากฝั่งวัดมหาธาตุวรวิหาร มาอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำแม่กลอง คือกรมการทหารช่างในปัจจุบัน แต่พอจะประมาณได้ว่า เริ่มสร้างวัดนี้ราวปีกุล พุทธศักราช 2534 ก่อนสร้างเมืองราชบุรีใหม่เล็กน้อย โดยเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ (แสงวงศาโรจน์) ต้นตระกูลวงศาโรจน์ สมุหพระกลาโหม ในสมัยนั้นเป็นผู้สร้าง โดยท่านเจ้าพระยาผู้นี้ เป็นผู้ว่าราชการเมืองราชบุรี คนที่ 2 ยังมีบรรดาศักดิ์เป็น พระยา อมรินทรฤาชัย ในสมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 2 เมื่อสร้างแล้วคงให้ชื่อว่า วัดตาล เพราะที่วัดนี้เป็นที่ค้าขายน้ำตาล
ตามจดหมายเหตุของครูวินัยธรรม (อินท์) เขียนตามคำขอพระสมุทรมุนีว่า เดิมวัดนี้เป็นป่ารก ท่านจึงให้อุปัฏฐากแผ้วถางทำความสะอาด และเอาชื่อพระยาอมรินทรฤาชัย ต่อเป็นชื่อวัดว่า วัดตาลอมรินทร์ แต่ชาวบ้านยังคงเรียก วัดตาล ต่อมาคำว่า ตาล หายไป จึงใช้ชื่อว่า “วัดอมรินทราราม” ซึ่งเป็นวัดแรกของคณะธรรมยุต จังหวัดราชบุรี
ปัจจุบันมีพระโสภณสีลคุณ เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัด ระหว่างปี 2516 ถึงปัจจุบัน โดยท่านได้ซ่อมแซมบูรณปฎิสังขรณ์วัดเรื่อยมา ตั้งแต่วิหารหลวงพ่ออมรินทราเมศร์แตกร้าวเสียหายอย่างหนักจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โบสถ์เก่าที่ชำรุดทรุดโทรม กุฎิสงฆ์ หลวงพ่อได้บูรณะซ่อมแซม โดยอาศัยงบประมาณจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา ให้อยู่ในสภาพที่ดีใช้การได้ หลวงพ่อได้ดูแลเรื่องการก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ด้วยตัวท่านเองจนถึงปัจจุบัน
วัดอมรินทรารามเป็นวัดประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองราชบุรี ด้วยโบราณสถานวัตถุ เช่น โบสถ์ วิหาร ซึ่งเป็นของเก่ายังเหลืออยู่ให้เห็น แต่ได้ชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา ในการก่อสร้างครั้งนั้นได้เริ่มสร้างวิหารก่อน ต่อมาได้ก่อนสร้างโบสถ์ พระประธานในวิหารนั้นเป็นพระประธานคู่ปางมารวิชัย หรือปางสดุ้งมาร หันหลังให้กัน องค์หนึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ อีกองค์หนึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นที่กล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนส่วนใหญ่มักมาขอพรเรื่องความก้าวหน้าของงานราชการ ขอยศ ขอตำแหน่ง เป็นที่เลืองลือของชาวราชบุรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น